เจาะลึก 5 เหตุผลที่ HR มองข้ามใบสมัครของคุณ (พร้อมวิธีแก้แบบตรงจุด!)

คุณสมัครงานไปเป็นสิบที่ แต่ไม่มีใครเรียกสัมภาษณ์? หลายครั้งไม่ใช่เพราะคุณไม่เก่ง แต่เป็นเพราะเรซูเม่หรือวิธีสมัครของคุณ ยังไม่ “เข้าตา” HR มาดูกันว่าทำไม HR ถึงมองข้ามใบสมัครของคุณ และจะแก้ไขอย่างไรให้ได้ งานที่ใช่ เร็วขึ้น

1. เรซูเม่ไม่ผ่าน ATS (Applicant Tracking System)

จากประสบการณ์ของเรา 80% ของเรซูเม่ถูกคัดออกโดย ATS ก่อนที่ HR จะได้อ่าน!

หลายบริษัทใช้ ATS ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ช่วยคัดกรองเรซูเม่ ถ้าคุณใช้รูปแบบหรือคำที่ไม่เหมาะสม เรซูเม่ของคุณอาจไม่ถูกอ่านเลย

แก้ยังไง?

ใช้คีย์เวิร์ดที่ตรงกับ Job Description เช่น ถ้าตำแหน่งระบุว่า “Data Analysis” แต่คุณเขียนว่า “ข้อมูลเชิงลึก” ATS อาจไม่จับคู่เรซูเม่ของคุณกับงาน

Tip จากผู้เชี่ยวชาญ: เลี่ยงไฟล์ PDF ที่มีดีไซน์ซับซ้อน ATS บางตัวอ่านไฟล์ PDF ได้ไม่ดี แนะนำให้ใช้ไฟล์ Word ใช้ฟอนต์มาตรฐาน เช่น Arial หรือ Calibri ขนาด 10-12

2. คุณขายตัวเองผิดจุด (HR หาจุดขายไม่เจอ)

HR ใช้เวลาเฉลี่ย 6 วินาที ในการสแกนเรซูเม่ ถ้าไม่มีอะไรเตะตา โอกาสถูกข้ามสูงมาก

แก้ยังไง?

ใช้ Bullet Points + ตัวเลขที่จับต้องได้

“ทำการตลาดออนไลน์”

“วางกลยุทธ์ Social Media เพิ่ม Engagement 250% ภายใน 3 เดือน”

ใส่ Key Achievement ชัดเจน เช่น

เพิ่มยอดขาย 15 ล้านบาท ใน 6 เดือน

ลดต้นทุนการผลิตลง 20%

Tip จากผู้เชี่ยวชาญ: ให้คิดว่าเรซูเม่คือโฆษณาขายตัวคุณเอง ต้องให้ HR เข้าใจว่าคุณสร้าง "Impact" อะไรได้บ้าง!

3. สมัครแบบ Mass ไม่ได้ปรับเรซูเม่ให้เหมาะกับงาน

HR มองออกทันทีว่าใครสมัครแบบหว่านแห!

สมัครงานแบบใช้เรซูเม่เดียวส่งทุกที่ คือสูตรแห่งความล้มเหลว เพราะ HR มองหาคนที่ “Fit” กับตำแหน่ง ไม่ใช่แค่คนที่มีโปรไฟล์ดี

แก้ยังไง?

ปรับ Professional Summary ให้ตรงกับงาน เช่น ถ้าสมัคร Marketing ใน Startup กับ Corporate ต้องใช้โทนที่ต่างกัน

เน้น Soft Skills ที่เหมาะสม เช่น

Startup: “Growth mindset, adaptability, data-driven decision making”

Corporate: “Stakeholder management, structured problem solving”

Tip จากผู้เชี่ยวชาญ: ถ้าคุณสมัครงานหลายที่ ลองสร้าง Master Resume แล้วปรับเนื้อหาให้ตรงกับแต่ละตำแหน่ง

4. อีเมลสมัครงานหรือ Cover Letter ไม่กระแทกใจ

HR บางคนตัดสินใจเรียกสัมภาษณ์จากอีเมลที่คุณส่ง!

แก้ยังไง?

ห้ามส่งอีเมลแบบ “แนบเรซูเม่ให้พิจารณา ขอบคุณครับ” เพราะมัน น่าเบื่อและไม่ดึงดูด

ใช้ Hook ดึงความสนใจ เช่น

"ผมเคยใช้ Data Analytics เพิ่ม Conversion Rate 3 เท่า และเชื่อว่าสิ่งนี้ช่วยบริษัทคุณได้!"

เขียน Cover Letter สั้นๆ 3 ย่อหน้า:

คุณเป็นใคร

ทำไมคุณเหมาะกับงานนี้

คุณช่วยบริษัทได้อย่างไร

Tip จากผู้เชี่ยวชาญ: การเขียนอีเมลสมัครงานที่ดี มีผลเหมือน Elevator Pitch ที่ทำให้ HR อยากคุยกับคุณ!

5. ไม่ Follow-Up ทำให้ HR ลืมคุณไปแล้ว

HR อาจสนใจคุณแต่ยุ่งจนลืมเรียกสัมภาษณ์!

แก้ยังไง?

ส่งอีเมลติดตามผลหลังจากสมัครไป 5-7 วัน เช่น

“ขออนุญาตติดตามผลการสมัครตำแหน่ง [ชื่อตำแหน่ง] ครับ หากมีข้อมูลเพิ่มเติมที่ต้องการ ผมยินดีให้รายละเอียดเพิ่มเติมครับ”

เช็ก LinkedIn ว่ามีคนดูโปรไฟล์คุณไหม ถ้ามี HR ดูแต่ยังไม่ติดต่อ คุณอาจลองทักไปสุภาพๆ

Tip จากผู้เชี่ยวชาญ: การ Follow-up แบบถูกวิธีสามารถ เพิ่มโอกาสถูกเรียกสัมภาษณ์ขึ้น 20-30%!

สรุป: สมัครไปแล้วไม่โดนเรียก? ต้องแก้ให้ตรงจุด!

> ส่งเรซูเม่แบบเดิมทุกที่ → ปรับให้เข้ากับแต่ละงาน

> ไม่มีคีย์เวิร์ดในเรซูเม่ → ใช้คีย์เวิร์ดจาก Job Description

> อีเมลสมัครงานไม่มีพลัง → เขียนอีเมลให้ดึงดูด

> สมัครแล้วเงียบ → Follow-up อย่างมืออาชีพ

อยากให้ HR หันมาสนใจคุณ? ให้เราช่วย!

Profile Master พร้อมช่วยปรับเรซูเม่ ติวสัมภาษณ์ และให้คำปรึกษาการสมัครงาน ติดต่อเราได้เลย!

Previous
Previous

จ้างทำ Resume แต่ไม่ถูกเรียกสัมภาษณ์ – ปัญหาจริง ๆ อยู่ที่ตรงไหน?

Next
Next

กังวลเรื่องสัมภาษณ์ ไม่มั่นใจภาษาอังกฤษ – เปลี่ยนความกลัวให้เป็นโอกาส!